จากกรณีข่าวการพา "พลายศักดิ์สุรินทร์" ช้างเพศผู้วัย 30 ปี ช้างไทยที่รัฐบาลไทยมอบให้ทูตสันถวไมตรีกับรัฐบาลศรีลังกาตั้งแต่ปี 2544 กลับมารักษาอาการป่วยที่ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง ก่อนต่อมาจะมีกระแสข่าวออกมา เจ้าอาวาสวัดคันเดวิหาร เจ้าของกรรมสิทธิ์พลายศักดิ์สุรินทร์ ได้ยืนกรานว่า "ไทยตกลงจะส่งพลายศักดิ์สุรินทร์กลับศรีลังกา เมื่อรักษาเสร็จ"

    จากประเด็นดังกล่าว ทำให้หลายคนเกิดคำถามว่า ถ้าหากรักษา "พลายศักดิ์สุรินทร์" เสร็จสิ้นจนหายดีแล้ว จะต้องมีการส่งกลับไปประเทศศรีลังกาอีกหรือไม่

    ล่าสุด "น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา" ที่ปรึกษาคณะทำงานยุทธศาสตร์กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หนึ่งในผู้มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้ พลายศักดิ์สุรินทร์ กลับประเทศไทย ได้มีการโพสต์เฟซบุ๊ก ขอบคุณผู้มีส่วนร่วมในการพาช้างกลับประเทศไทย และคำถามประเด็นดังกล่าว พร้อมพูดถึงช้างไทยอีก 2 เชือศรีลังกากว่าจะเอากลับมาด้วยได้ไหม

    โดยระบุว่า "ปฏิบัติการครั้งนี้สำเร็จได้ก็ด้วยความร่วมมือร่วมใจอย่างแข็งแรงของทุกฝ่าย ไม่มีอะไรง่ายเลย มีปัญหาให้ต้องแก้ตลอดทาง แต่ทุกอย่างลุล่วงด้วยดี" พร้อมขอบคุณท่านทูตฯ เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในศรีลังกา รวมถึงคุณหมอและเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ ที่มีส่วนร่วมในการพาพลายศักดิ์สุรินทร์กลับมารักษาตัวที่ประเทศไทยในครั้งนี้

    น.ส.กัญจนา ยังเผยอีกว่า พลังใจจากพี่น้องคนไทยที่ส่งให้พ่อพลาย และที่สำคัญคือ ความเข้มแข็งแต่อ่อนโยน ว่าง่ายและอดทนของพ่อพลายศักดิ์สุรินทร์

    ส่วนประเด็นที่หลายคนแสดงความห่วงใยว่า "ต้องส่งพ่อพลายกลับไปอีกไหม" น.ส.กัญจนา เผยว่า "การจะให้พ่อพลายแข็งแรงอย่างเต็มร้อย เราคงต้องรักษาเขาอยู่ที่แผ่นดินไทยอาจชั่วชีวิตเขาค่ะ"

    ส่วนประเด็นช้างไทยอีก 2 เชือศรีลังกากว่าจะเอากลับมาด้วยได้ไหม น.ส.กัญจนา เผยว่า การจะพาช้างกลับแต่ละเชือกไม่ง่าย "กรรมสิทธิ์เป็นของวัดที่เขาอยู่ ถ้าเจ้าอาวาสไม่ให้ เราทำไรไม่ได้เลย"

    ท่านทูตบอกว่า กรณีที่เราไปเอาศักดิ์สุรินทร์กลับ ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมมากในศรีลังกา ทั้งในเชิงอภิปรายในสภาเขา และการเกรงว่า ช้างที่มาจากต่างประเทศของเขาจะมีการถูกเอากลับอีก (เขามีช้างจากอินเดียและพม่าด้วย)

    นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ในประเทศศรีลังกา แต่ในมิติที่ดีคือ เขาน่าจะตื่นตัวใส่ใจดูแลสวัสดิภาพช้างที่เขาใช้งานให้ดีขึ้น 

    กรณีของ "ศรีณรงค์" ตนไม่ได้เป็นห่วง เพราะเห็นแล้วว่าชีวิตความเป็นอยู่และคนเลี้ยงเขาเป็นอย่างไร แต่ยอมรับว่าเป็นห่วง "ประตูผา" เพราะอายุเยอะกว่าใคร อายุราว 48 ปี ซึ่งครั้งที่แล้วไปศรีลังหา ไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ เพราะทางวัดแจ้งว่า ประตูพาตกมัน

    อย่างไรก็ตาม ตนได้คิดและวางแผนไว้เบื้องต้น ที่ไม่ต้องใช้อำนาจรัฐ เพราะไม่ทราบรัฐบาลใหม่จะมีนโยบายเรื่องเกี่ยวกับช้างที่ส่งไปแล้วเขาลำบากอย่างไร แต่จะทำในส่วนที่ตนเองจะพอทำได้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ถึงขั้นเอาเขากลับ เนื่องจากเหตุผลหลาย ทั้งเรื่องกรรมสิทธิ์ นโยบายรัฐ แรงกระเพื่อมในศรีลังกา ซึ่งตนจะเดินทางไปศรีลังกาอีกครั้งในไม่นานนี้ เพื่อหาทางให้ประตูผาได้รับการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี

ที่มา : เฟซบุ๊ก NuNa Silpa-archa