"แม่ลูกสอง" ลดน้ำหนัก 24 กก. จากนั้นโรคประจำตัวหาย กลับมาสวยใส-มั่นใจเหมือนเคย

คอมเมนต์:

ลดลง 24 กิโลโรคประจำตัวหาย กลับมาสวยใส และมั่นใจเหมือนเดิม!

        หมอเตือน คุณแม่ลูกสอง หากไม่ลดความอ้วนจะอยู่กับลูกได้ไม่นาน ตั้งใจลดน้ำหนักอย่างจริงจังจาก 82 เหลือ 72 ลดลง 10 กิโลฯ ภายใน 2 เดือน เป็นของขวัญให้ลูก โดยไม่พึ่งยาลดน้ำหนักใดๆ ไม่เสียตังค์จ่ายเทรนเนอร์ออกกำลังกาย ทุกอย่างใช้ใจล้วนๆ แม้กินทุกอย่างทั้งของทอด ของมัน แต่น้ำหนักก็ลดได้สำเร็จ ... แต่ก่อนหน้านั้นเธอมีน้ำหนักเกือบร้อยกิโลด้วย!

        น.ส.ปิยะนันต์ ต่อพันธ์ วัย 37 ปี คุณแม่ลูกสอง จ.ชัยภูมิ เปิดใจถ่ายทอดเรื่องราวลดน้ำหนักที่ทำเพื่อลูกจนสำเร็จกับทีมข่าวว่า ช่วงเวลา 4 ปีก่อน น้ำหนักของเธอพุ่งมาถึง 96 กก. (อีกไม่กี่กิโลก็ 100 โลแล้ว) ก่อนคลอด เหตุเพราะกินเก่ง และชอบกินจุบจิบ ชอบกินแป้ง ชอบกินน้ำหวาน ชา กาแฟ น้ำอัดลม

 

Sponsored Ad

 

        ต่อมาหลังคลอด น้ำหนักลงไปนิดเดียว ยังเหลือ 82 กก. ซึ่งปัญหาความอ้วนบวกกับโรคประจำตัว ส่งผลต่อสุขภาพของเธอแย่หลายด้าน จึงตัดสินใจลดน้ำหนักเพื่อลูก ตามคำเตือนของหมอ และคำขอของลูกสาววัย 7 ขวบ

        “ก่อนมีลูกคนที่สอง ตอนนั้นน้ำหนักแค่ 65 กก. พอเริ่มมีลูก และเป็นคนกินเก่งอยู่แล้ว ทำให้อ้วนเอาอ้วนเอา ก่อนคลอดลูกคนที่สอง หนัก 96 คลอดแล้วเหลือ 82 รู้สึกตัวเองอ้วนเกินไป พออ้วนมากๆ โรคภัยก็เยอะ สุขภาพก็เริ่มแย่มาก ปวดขา เพราะขารับน้ำหนักเราไม่ไหว ปวดข้อ ลุกก็ร้องโอ๊ย นั่งก็โอ๊ย ปวดหัว ปวดต้นคอ ปวดตา เพราะเป็นความดันด้วย อีกอย่างหมอบอกว่า ถ้าไม่ลดก็จะอยู่กับลูกได้ไม่นาน

 

Sponsored Ad

 

        ตอนหมอบอก ลูกสาวคนโตก็ไปด้วย เขาได้ยินก็น้ำตาคลอ พูดเสียงสั่นๆ บอก แม่ต้องทำนะจะได้อยู่กับหนูไปนานๆ จริงๆ ลูกไม่ขอก็ตั้งใจทำอยู่แล้ว เพราะอยากมีชีวิตอยู่กับลูกไปนานๆ”

น้ำหนักปัจจุบัน 72 กก.

 

Sponsored Ad

 

แค่ 2 เดือน ลด 10 กก. โรคประจำตัวหาย กลับมาสวยใส มั่นใจเหมือนเคย

        จากนั้น เธอจึงตัดสินใจลดน้ำหนักอย่างจริงจัง ตั้งแต่ 2 ธ.ค. 61 น้ำหนัก 5.4 กก. หายไปได้โดยใช้เวลาแค่ 1 เดือน จากนั้นน้ำหนักก็ลดลงเรื่อยๆ จาก 82 กก. จนปัจจุบันเหลือเพียง 72 กก. ในเวลาแค่ 2 เดือน เท่านั้น โดยมีลูกสาวคอยพูดให้กำลังใจตลอดทุกวันว่า "สู้ๆ นะแม่" 

        “หลังลดไปได้ 10 โล ลูกสาวดีใจมาก ส่วนตัวก็ดีใจเหมือนกัน รู้สึกดี มีความสุขมาก สบายตัวขึ้น ใส่เสื้อผ้าเก่าได้ อยากสวย อยากงาม อยากแต่งตัว ทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น กล้าไปนั้นไปนี้ กล้าถ่ายรูป เพราะตอนอ้วนแทบจะไม่ถ่ายรูปเลยที่สำคัญได้อยู่กับลูกไปอีกนานๆ เพราะสุขภาพแข็งแรงขึ้น ความดันสูงหาย ไม่ต้องกินยาแล้ว ปกติหมอจะนัดทุกเดือน แต่ตอนนี้นัดเจอ 6 เดือน เพื่อติดตามอาการ

 

Sponsored Ad

 

        คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำได้  ไม่มีทางลัดใดๆ ใช้ใจล้วนๆ ไม่ใช้ยา ไม่ว่าจะเป็นยาลดความอ้วน ยาลดไขมัน ไม่กินอาหารเสริม ไม่ได้ออกกำลังกายเลย แต่ก็พยายามเดินให้ได้มากที่สุดในแต่ละวัน เมื่อก่อนไปไหนก็ใช้มอเตอร์ไซค์  เดี๋ยวนี้ถ้าใกล้ๆ ก็ใช้เดินแทนนี้ก็เดินแทน ไปร้านค้า ไปกินข้าว ถ้าขึ้นลงไม่กี่ชั้นก็เดินแทนการใช้ลิฟท์ 

        เพื่อนๆ ที่รู้ว่าลดน้ำหนักได้ จากที่พวกเขาเคยเสียเงิน 3-4หมื่น ซื้อยาที่บอกว่าช่วยลดน้ำหนัก แต่ก็ไม่ได้ผล ตอนนี้ก็เลิกซื้อ และหันมาปรึกษากันหลายคนเลย ทั้งรู้จัก ไม่รู้จัก ตอนนี้ก็ยังไม่ผอมสลิมนะ แต่ก็จะไม่หยุดลดน้ำหนัก เพราะตั้งใจไว้ว่าอยากให้เหลือสัก 65 โล”

 

Sponsored Ad

 

คนคาใจ ผอมลง ไม่ป่วยก็คิดมาก เปิดเส้นทางข้ามความอ้วนสู่ความผอม

        วิธีลดน้ำหนักของเธอนี้ ไม่มีการใช้ยา ไม่กินอาหารเสริม ไม่เสียเงินค่าเทรนเนอร์ออกกำลังกาย แต่ใช้ใจล้วนๆ และความอดทนอย่างเดียวนี้ สัปดาห์แรกที่ลดน้ำหนัก เธอยอมรับว่ายากมาก กินคลีนครบ 3 มื้อ ทั้ง ไข่ต้ม อกไก่ กินด้วยความไม่อร่อย ฝืดคอ พะอืดพะอม แต่ทำให้น้ำหนักลด 2 โลครึ่ง เคล็ดลับและแรงบันดาลใจ คือ การเข้ากลุ่มลดความอ้วนต่างๆ ในโลกโซเชียล แล้วนำความรู้จากในเพจ มาทำตาม โดยกินปกติตามจำกัดเวลาควบคู่การคุมอาหาร ลดแป้ง ลดน้ำตาล

 

Sponsored Ad

 

         “เพจแรกที่เข้าคือ ปีนี้เราจะหุ่นดีไปด้วยกัน เพจนี้จะเป็นสายคลีน อ่านไปอ่านมา สมาชิกในกลุ่มพูดถึงเพจลดความอ้วนสายแดก เลยลองตามไปดูแนวทางแล้วชอบ ก็อ่านศึกษาวิธีของคนอื่นๆ นำมาปรับใช้ให้เข้ากับตัวเอง มีหลุดบ้าง ตามใจตัวเองบ้าง แต่น้ำหนักก็ลดอยู่นะ เราสามารถกินอาหารได้ทุกอย่างที่เราอยากกิน เพียงแค่ลดแป้ง ลดน้ำตาล อย่ากินเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน”

อาหารที่กินแต่ละมื้อ ในการลดน้ำหนัก

Sponsored Ad

เนื้อสัตว์ 1 ฝ่ามือ ข้าว 4 ช้อน ควบคู่ IF คู่ LC ของทอดของมัน กินได้ทุกอย่าง

        ซึ่งวิธีที่เธอใช้ เรียกว่า IF (Intermittent Fasting) เป็นการจัดเวลากินอาหาร หรือเรียกง่ายๆ ว่า อดอาหารเป็นช่วงเวลา โดยเธอใช้สูตร 18/6 คือ เวลา 12.00-17.59 น. เป็นช่วงกิน (Feed) จบเป็นมื้อๆ ที่มีโปรตีนพียงพอ สารอาหารที่ดี แคลอรีเหมาะสมตามแต่ลักษณะกิจกรรมของแต่ละคน โดยไม่ทานจุบจิบ ไม่จำเป็นต้องกินน้อยลง แบ่งกินได้ 2 มื้อ จากนั้น เวลาตั้งแต่ 18.00-12:00 น. คือช่วง Fast หรือ อด แต่ก็ดื่ม ชา กาแฟ ที่ไม่ปรุงรสใดๆ ได้ 

กับครอบครัว พร้อมลูกสาวทั้งสอง น้ำหนักอยู่ที่ 75 กก.

        ทั้งนี้ เธอย้ำว่าเพื่อประสิทธิภาพที่ดี อาหารที่กินในช่วง Feed ต้องมีลักษณะ Low carb (LC) เช่น กินเนื้อสัตว์ติดมันวันละ 300-400 กรัม กับไข่ 2 ฟอง ถ้าเป็นคนชอบออกกำลังกายหรือตัวสูง 170 ซม. กินเนื้อสัตว์เพิ่มให้อิ่มได้ เพื่อไม่ให้หิวระหว่างมื้อ ของทอดของมันกินได้ทุกอย่าง ไม่จำเป็นกินแค่ต้ม นึ่ง ส่วนคาร์โบไฮเดรต กินได้วันละ 100 กรัม ผลไม้หวานจัด กินได้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง, กินผักสีๆ หมุนเวียน, ดื่มน้ำวันละไม่ต่ำกว่า 2 ลิตร ผสมเกลือลิตรละ 1/3 ช้อนชาได้หากมีอาการแรงตก และกินมื้อสุดท้ายก่อนเข้านอน 4 ชั่วโมง

เทคนิคลดหุ่น กินแบบไม่อด แต่ต้องจำกัดปริมาณ

        “น้ำหนักกว่าจะขึ้นมาเกือบ 100 โล ใช้เวลาตั้งหลายปี จะให้มันลงทันทีทันใจง่ายๆ ภายในไม่กี่วันเป็นไปไม่ได้ วิธีการมีหลายแบบ ต้องค่อยๆ เป็นค่อยไป ค่อยๆ ลดแป้ง ช่วง Fast ต้องไม่กินจุบจิบเด็ดขาด ถ้าทำไปสักระยะ เดี๋ยวร่างกายก็ปรับตัวได้แล้ว ค่อยลดมื้ออาหาารจาก 3 เหลือ 2 มื้อต่อวัน และพยายามเดินให้ได้มากที่สุดในแต่ละวันก็เหมือนเป็นการออกกำลังกายด้วย

        อีกเทคนิคที่ใช้อยู่ กินเนื้อสัตว์วันละ 1 ฝ่ามือของตัวเอง ข้าววันละ 4 ช้อนกินข้าว น้ำตาลห้ามเกิน 6 ช้อนชา หรือไม่กินน้ำตาลเลยยิ่งดี การลดความอ้วน มันอยู่ที่ใจจริงๆ ให้น้ำหนัก 80 กว่า หรือเกือบร้อยแล้วจะรู้ว่าไม่ลดไม่ได้แล้ว เพราะถึงเวลานั้นจะมีโรคจากความอ้วนแถมมาให้เพียบ และอาจมีชีวิตอยู่กับลูกได้ไม่นาน” เธอกล่าวทิ้งท้าย

ข้อมูลและภาพ จาก thairath

บทความที่คุณอาจสนใจ